คำนูณ ชี้ กรมศิลปยังไม่หยุด ถึงแม้สมาชิกวุฒิสภารุมคัดค้าน สร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ ราชการ7 หน้าที่ประชุมใหม่ งบประมาณ 25 ล้าน แทนใช้องค์เดิม
ช่วงวันที่ 22 ม.ค. นายคำนูณ สิทธิสมาน วุฒิสมาชิก (สมาชิกวุฒิสภา) โพสต์เนื้อความทางเฟซบุ๊ก กรณีพระบรมราชานุสาวรีย์ ราชการ 7 หน้าสภานิติบัญญัติ โดยมีความก้าวหน้า กรมศิลปากรการันตีให้สร้างใหม่ ขนาด 4 เท่าองค์จริง-ค่า 25 ล้าน บอกว่า
ประเด็นนี้ ผมและก็ท่านคุณครูเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ได้ปรึกษาหารือและขอคำแนะนำในห้องประชุมสภานิติบัญญัติช่วงวันที่ 8 ธ.ค. 2563 ถึงความไม่เหมาะสมของแนวความคิดสำหรับในการจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 องค์ใหม่ขนาดใหญ่ 4 เท่าท่านจริงมาติดตั้งหน้าตึกสภานิติบัญญัติที่ใหม่ เกีชูกาย ที่ตอนนั้นรู้ข่าวสารเพียงว่าเป็นไปตามคำแนะนำของกรมศิลปากร แทนที่จะใช้องค์เดิมขนาด 1 เท่าครึ่งท่านจริงที่เคยตั้งอยู่หน้าตึกสภานิติบัญญัติเดิม ถนนหนทางอู่ทองคำใน ตามแนวความคิดของแผนกผู้ออกแบบและก็ที่ประชุม
ผมได้ตั้งคำถามถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมด้วย แม้กระนั้นยังไม่ถึงคิวใส่เข้าระเบียบวาระ
และก็ได้เสนอให้คณะกรรมาธิการการศาสนา ศีลธรรม ศีลธรรม ศิลปและก็วัฒนธรรม วุฒิสภา ปฏิบัติการเล่าเรียนประเด็นนี้ โดยผมเข้าไปร่วมสัมมนาแจกแจงคราวหนึ่งแล้วเมื่อสิ้นปีก่อน ปัจจุบันวานนี้คณะกรรมาธิการฯได้เชิญชวนผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมาร่วมแจกแจง ผมได้เข้าไปร่วมสัมมนาด้วย ก็เลยขอนำมารายงานประชากรเพื่อรู้ความก้าวหน้า
เรื่องไปไกลกว่าที่คิด ขอสรุปด้วยภาษาประชาชนดังต่อไปนี้….
เหตุเกิดขึ้นเมื่อกลางปี 2561 เมื่อที่ประชุมทำหนังสือถึงกรมศิลปากรขอรู้วิถีทางรวมทั้งเนื้อหาเกี่ยวกับการย้ายพระบรมราชานุสาวรีย์องค์เดิมจากหน้าตึกสภานิติบัญญัติเก่าถนนหนทางอู่ทองคำไปยังตึกสภานิติบัญญัติใหม่เกีชูกาย
ในฐานะที่กรมศิลปากรมีอำนาจหน้าที่โดยตรงเกี่ยวกับการนี้ตามกฎกติกากระทรวงศึกษาธิการเกี่ยวกับการก่อสร้างอนุสาวรีย์แห่งชาติและก็การเลียนแบบพุทธรูปสำคัญ พุทธศักราช 2520
ซึ่งขอรับโดยซื่อตรงว่าผมก็พึ่งจะรู้ว่ามีระบบระเบียบฯนี้อยู่ !
กรมศิลปากรส่งคณะทำงานข้าราชการเดินทางมาพินิจพิเคราะห์สถานที่ตั้งพระบรมราชานุสาวรีย์ เพื่อเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการไตร่ตรองการผลิตอนุสาวรีย์แห่งชาติและก็การเลียนแบบพุทธรูปสำคัญ แล้วทำหนังสือถึงที่ประชุมเมื่อพฤศจิกายน 2561 แจ้งว่าเห็นสมควรให้เชิญพระบรมราชานุสาวรีย์องค์เดิมขนาดเท่าครึ่งท่านจริงเข้าไปตั้งข้างในตึก และก็ให้จัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์องค์ใหม่ขนาด 3 เท่าครึ่งถึง 4 เท่าท่านจริงเพื่อตั้งหน้าตึกด้านถนนหนทางสามเสนแทน สรุปว่าถ้าหากเอาอย่างนี้สภานิติบัญญัติจะมีพระบรมราชานุสาวรีย์ 2 องค์ 2 ขนาด
ในชั้นแรก ที่ประชุมไม่เห็นพ้องเนื่องจากมีความมุ่งมาดปรารถนาจะนำพระบรมราชานุสาวรีย์องค์เดิมที่มีที่มาที่ไปทางประวัติศาสตร์มาตั้งหน้าตึกตามแบบที่กำหนดไว้
ในเดือนเดียวกันนั้นเองที่ประชุมได้ทำหนังสือถึงกรมศิลปากรขอให้ทวนความเห็นชอบ
กรมศิลปากรตอบหนังสือกลับมายังที่ประชุมเมื่อสิ้นเดือนม.ค. 2562 ว่าตรึกตรองแล้ว ขอการันตีความเห็นชอบเดิม เป็นให้เชิญพระบรมราชานุสาวรีย์องค์เดิมเข้าในตึก รวมทั้งถ้าเกิดมุ่งหมายจะมีพระบรมราชานุสาวรีย์หน้าตึก ควรจะปฏิบัติการตามความเห็นเดิมเป็นสร้างองค์ใหม่ขนาด 3 เท่าครึ่งถึง 4 เท่าท่านจริง
ที่ประชุมก็เลยจำเป็นต้องกระทำตาม เนื่องจากอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายลำดับกฎระเบียบฯดังกล่าวมาแล้วก่อนหน้านี้แล้วอยู่กับกรมศิลปากร
ที่ประชุมเริ่มตั้งงบในปีงบประมาณ 2563 ไว้พื้นฐาน 10 ล้านบาท
ดังนี้ งบประมาณสำหรับในการจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ขนาด 3 เท่าครึ่งถึง 4 เท่าท่านจริง กรมศิลปากรแจ้งให้ที่ประชุมรู้เมื่อก.พ. 2563 ว่ามีปริมาณเป็นตัวเลขกลมๆราว 25 ล้านบาทเศษ
จำนวนจริงๆเป็น 25,369,840.- บาท !
ที่ประชุมได้แยกของบราวๆไว้ 3 ปีงบประมาณเป็น2563, 2564 และก็ 2565
ในขณะนี้กรมศิลปากรได้ดำเนินงานขั้นแรกไปแล้ว เป็นปั้นขยายต้นแบบพระบรมราชานุสาวรีย์ กล่าวอย่างละเอียดเป็นเลียนแบบพระบรมราชานุสาวรีย์ท่านเดิมแล้วหล่อด้วยปูนพลรสเตอร์ เพื่อทำ section ขนาดต้นแบบเดิมเพื่อขยายเข้า scale ก่อนจะทำองค์ประกอบเหล็ก
ใช้เงินไปแล้วกลมๆแทบ 8 ล้านบาท
จำนวนจริงเป็น 7,700,000.- บาท !
สำหรับในการสัมมนากรรมการฯ ผมได้ถามกรมศิลปากรด้วยจิตสำนึกของผู้รู้แจ้งชนคนประเทศไทยทั่วๆไปว่าในเมื่อเป็นพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระเจ้าแผ่นดิน รวมทั้งควรจะมีความเคลื่อนไหวใหญ่ เป็นสร้างใหม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นแบบนี้ ก่อนจะเดินหน้าลงมือกระทำงานจำเป็นที่จะต้องขอสิ่งของพระบรมราชานุญาติก่อนหรือเปล่า คำตอบเป็นยังมิได้ทำเรื่อง แม้กระนั้นกำลังจัดเตรียมจะทำเรื่อง โดยก่อนจะทำเรื่องสำคัญจะต้องมีข้อมูลให้ครบสมบูรณ์ก่อน แล้วก็รับรองว่าช่วงนี้ยังไม่ปฏิบัติการจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์องค์ใหม่ เพียงเลียนแบบจากองค์เก่าก่อนแค่นั้น ผมตอบไปว่าที่กรมศิลปากรตอบแบบนี้ผมไม่สู้เห็นด้วยนะ ด้วยเหตุว่าการเลียนแบบองค์เก่าก็คือส่วนใดส่วนหนึ่งของการจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์องค์ใหม่นั่นแหละ
เงินก็ใช้ไปแล้ว เริ่มดำเนินงานไปแล้ว แม้กระนั้นยังมิได้ทำขั้นตอนที่สำคัญที่สุดเป็นขออนุญาตพระบรมราชานุญาติ ข้างการบ้านการเมืองเป็นระดับรัฐมนตรีและก็คณะรัฐมนตรีก็ยังมิได้ไตร่ตรอง
เรื่องนี้ ผมไม่รู้เรื่อง
ก็เลยได้ถามออกไปว่าหากบกพร่องขึ้นมา ใครกันแน่จะเป็นผู้จะรับผิดชอบ
ซึ่งไม่มีคำตอบในห้องสำหรับประชุมกรรมการ
เหตุการณ์ปัจจุบัน กรมศิลปากรได้ทำหนังสือถึงที่ประชุมเมื่อ 26 พ.ย. 2563 ขอชะลอการทำงานไว้ก่อน
ผมถามคำถามว่าเหตุใดจะต้องชะลอ
กรมศิลปากรค้นเอกสารอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะตอบว่ารอคอยการขออนุญาตพระบรมราชานุญาติก่อน
ประเด็นนี้ยังไม่จบ
คณะกรรมาธิการจะเชิญชวนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมมาหารือในช่องทางถัดไป มีความก้าวหน้าอย่างใดจะนำรายงานต่อนะครับ