สกู๊ปน.1 : รีบทิศเหนืออยรั่ว-คดโกง พวกเราท่องเที่ยวร่วมกัน มันมาพร้อมกับวัววิด!!
ภาคการท่องเที่ยวไทยภายหลังจากถูกผลพวงจากการระบาดวัววิด-19 ตั้งแต่ต้นปี 2563 ทำให้การเดินทางจำเป็นต้องหยุดลงนั้น เมื่อรัฐบาลคลายล็อกดาวน์แล้ว แต่ว่าการเดินทางยังไม่มีวี่แววกลับมาครึกครื้นอย่างเดิม ประกอบกับน่านฟ้ายังไม่เปิด นักเดินทางต่างประเทศ ซึ่งเป็นกรุ๊ปรายได้หลักของภาคการท่องเที่ยวไทยยังเข้ามามิได้
ความมุ่งหวังก็เลยตกอยู่ที่การท่องเที่ยวในประเทศที่จะควรเป็นตัวขับเศรษฐกิจข้างในให้เวียนถัดไป รัฐบาลก็เลยแงะมาตรการเด็ดสำหรับเพื่อการกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดการเดินทางเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ทำให้แผนการพวกเราท่องเที่ยวร่วมกัน แล้วก็โครงงานแรงใจ ถูกเคาะออกมาเพื่อเป็นแรงดึงดูดใจรวมทั้งกระตุ้นให้ตลาดไทยท่องเที่ยวไทยเริ่มเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ
โดยวันที่ 15 เดือนกรกฎาคม 2563 เป็นวันแรกที่เปิดให้ประชากรทั่วๆไปสมัครสมาชิกพวกเราท่องเที่ยวร่วมกัน ซึ่งเปิดให้สามัญชนสมัครสมาชิกผ่าน www.พวกเราท่องเที่ยวร่วมกัน.com ซึ่งการสมัครสมาชิกในขั้นตอนนี้จะไม่มีการปิดการสมัครสมาชิก ทำให้พลเมืองสามารถสมัครสมาชิกรับสิทธิได้เรื่อยแต่ว่าสิทธิของแผนการจะเริ่มตัดจากการนับยอดจองบังกะโล แล้วก็มีการชำระเงินการจองเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะเปิดให้จองอพาร์เม้นท์ในวันที่ 18 ก.ค.เป็นต้นไป โดยคนที่สมัครสมาชิกผ่านจะได้รับใจความเพื่อไปสู่กรรมวิธีการจองอพาร์เม้นท์ข้างใน 3 วัน
สำหรับสิทธิที่กำลังจะได้รับจากแผนการพวกเราท่องเที่ยวร่วมกันมี 1.ส่วนลดค่าบ้านพัก เมืองช่วยจ่าย 40% สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องหรือคืน ระบุโควต้าคนละ 15 ห้องหรือคืน เดิมมีปริมาณสิทธิ 5 ล้านคืน รวมทั้งเพิ่มให้อีก 1 ล้านสิทธิ 2.คูปองของกินรวมทั้งท่องเที่ยวสูงสุดค่า 900 บาทต่อวันในวันจันทร์-พฤหัส แล้วก็สูงสุด 600 บาทต่อวันในวันศุกร์-อาทิตย์ เพื่อใช้เป็นส่วนลดค่าของกินและก็ค่าเข้าชมสถานที่เที่ยวที่ร่วมโครงงาน โดยเมืองช่วยจ่าย 40% ตัดจากคูปอง แล้วก็ 3.สิทธิรับเงินคืนค่าเครื่องบินในส่วนเมืองช่วยจ่าย 40% สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อผู้โดยสาร (เฉพาะจังหวัดท่องเที่ยวที่ระบุ) จำกัดหอพักละ 2 ที่นั่ง ตามปริมาณหอพักที่เข้าพักจริง แม้กระนั้นรวมไม่เกิน 30 ที่นั่ง โดยระบุปริมาณสิทธิตั๋วเรือบินทั้งผอง 2 ล้านสิทธิ
โดยในระยะเริ่มต้นกำหนดให้ใช้โครงงานได้ถึงสิ้นเดือนเดือนตุลาคม 2563 ก่อนที่จะเพิ่มเวลาจนถึงใช้ถึงวันที่ 31 เดือนมกราคม 2564 และก็ครั้งปัจจุบันห้องประชุมคณะรัฐมนตรี (คณะรัฐมนตรี) ลงความเห็นให้ขยายไปถึงวันที่ 30 ม.ย. 2564 และก็เปิดให้สมัครสมาชิกรับสิทธิร่วมโครงงานอีกรอบ ปริมาณ 1 ล้านสิทธิ
ในตอนเริ่มโครงงานจัดว่าได้รับกระแสตอบรับที่ดี รวมทั้งมีการจองเข้ามาถล่มทลาย จนกระทั่งวันที่เจอความแปลกสำหรับเพื่อการใช้สิทธิจองเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์บ้านพัก แล้วก็การใช้คูปองต่างๆด้วยเหตุว่าปริมาณหอพัก 5 ล้านห้องแรก มีผู้ใช้สิทธิจองไปครบ เหลืออยู่ปริมาณศูนย์ห้องในวันที่ 10 ธ.ค. 2563 ดังนี้ ตอนวันที่ 9 ธ.ค. ก่อนหน้า ปริมาณห้องเช่ายังเหลือกว่า 225,922 คืน ตั๋วเรือบิน 1.68 ล้านใบ แม้กระนั้นได้หมดลงในวันที่ 12 ธ.ค. 2563
ทำให้ททท. (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย) จำเป็นต้องผสานกับกระทรวงการคลังและก็แบงค์กรุงไทย ทำพินิจพิจารณาธุรกรรมในตอนหลายเดือนมาแล้ว และก็ติดต่อประสานงานกับชมรมรีสอร์ทไทยเพื่อหาทางคุ้มครองป้องกันการคดโกงในอนาคต
โดยวันที่ 15 เดือนธันวาคม 2563 มีรายนามรีสอร์ทถูกสงสัย รวม 312 ที่ มีปริมาณผู้ใช้สิทธิ 108,962 คน และก็ร้าน ห้องอาหาร 202 ที่ มีผู้ใช้สิทธิ 49,713 คน จากนี้จะรีบตรวจทานอย่างเร็วที่สุด ถ้าเกิดพบว่าโกงจริงจำเป็นต้องถูกถอดออกมาจากแผนการ ลงบัญชีดำ พร้อมฟ้องทั้งยังแพ่งแล้วก็อาญา โดยใช้ข้อบังคับในอัตราโทษลำดับสูงสุด
จากการวิเคราะห์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเจอความประพฤติที่อยู่ในข่ายคดโกง 6 กรณีเป็นขั้นต่ำเป็น1.เข้าพักในเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ราคาไม่แพง โดยยิ่งไปกว่านั้นโฮสเทล มีการเช็กอินผ่านแอพพลิเคชั่นเป็นระเบียบเรียบร้อย กลับมิได้พักจริง รวมทั้งได้ประโยชน์จากการใช้คูปอง (อี-เวาเชอร์) ที่ให้วันละ 600 บาท และก็วันละ 900 บาทแม้พักในวันปกติ 2.รีสอร์ทปรับขึ้นราคาค่าหอพักสูงเปลี่ยนไปจากปกติ แถมยังรู้เห็นเป็นใจกับห้องอาหารที่รับคูปอง มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสิทธิระหว่างกัน โดยที่ไม่มีการเดินทางขึ้นจริง 3.อพาร์เม้นท์มีตัวตนสมัครสมาชิกถูกแต่ว่ายังไม่กลับมาเปิดบริการกลับมียอดการขายหอพัก กรณีนี้พบว่ามีการจองตรงผ่านรีสอร์ทและก็ผู้แทนทางออนไลน์ด้วย 4.มีการใช้ส่วนต่างของคูปองเพื่อรับส่วนต่างเต็มปริมาณกรณีร้านเพิ่มราคาของกินไปๆมาๆกกว่าค่าของกิน 5.มีการเข้าพักจริงแบบกลุ่มกำหนดราคาสูงได้เงินทอนจากแผนการ ส่วนมากเป็นในกรณีที่มีการจองตรงกับโฮเต็ล แล้วก็ 6.เปิดให้คนจองเกินกว่าปริมาณหอพักของอพาร์เม้นท์ ซึ่งทุกกรณีได้มีการตรวจตราความประพฤติปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ โดยส่วนมากเกิดขึ้นในตอนที่รัฐบาลลดหย่อนข้อจำกัดการร่วมแผนการ เช่น การขยายสิทธิหอพัก เลื่อนเวลาจบแผนการออกไปอีก
ปัจจุบัน นายพิพรรธน์ รัชธุระประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวแล้วก็กีฬา เผยออกมาว่า การปกป้องคุ้มครองการโกงร่วมโครงงานในอนาคต เวลานี้ได้ผสานร่วมกับผู้พิทักษ์สันติราษฎร์แล้ว พื้นฐานตำรวจจะหาช่องโหว่ทั้งผองให้พบ ก่อนจะหาวิธีทิศเหนืออยรั่วทั้งปวงนั้น ซึ่งส่วนนี้จะชูให้ข้าราชการทำงานด้วยเหตุว่ามีข้อมูลในมือทั้งสิ้นอยู่แล้ว
สำหรับมูลเหตุที่ดึงดูดใจให้มีการคดโกงนั้นภาคเอกชนมีความคิดเห็นว่า เป็นเพราะเหตุว่าเบื้องต้นของชาวไทยบางกรุ๊ปที่มีนิสัยอยากได้ต้องการมี โดยที่ไม่สนใจว่าจะเป็นการเอารัดเอาเปรียบคนใดกันแน่ไหม บวกกับจำเป็นต้องสารภาพว่าผู้ประกอบธุรกิจโฮเต็ลบ้านพักบางกรุ๊ปยังไม่อาจจะร่วมโครงงานได้ เพราะเหตุว่ายังติดข้อจำกัดต่างๆของรัฐบาล ทำให้ถ้าหากสามารถร่วมกับเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ที่มีสิทธิร่วมโครงงานของเมืองแล้วนำส่วนต่างมาแบ่งกันได้ ก็อาจมองว่าได้อย่างนี้ดียิ่งกว่ามิได้เลย ทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้วความประพฤติดังที่กล่าวมาแล้วผิดจำต้อง
ก็เลยอยากที่จะให้รัฐบาลลดหย่อนข้อตกลงการร่วมโครงงาน รวมทั้งเผยหลักเกณฑ์ทั้งปวงให้กระจ่างแจ้งออกมา รวมทั้งการใช้สิทธิที่แน่ชัด เพื่อคุ้มครองการคดโกงถัดไปในตอนที่ขยายการใช้แผนการจนกระทั่งเมษายนนี้
แม้กระนั้น ดำเนินการในเวลาเช้าวันที่ 27 เดือนมกราคมก่อนหน้าที่ผ่านมา ตำรวจกองควบคุมล้มล้าง (บก.เปรียญ) ตำรวจท่องเที่ยว (แผนกบัญชีทท.) รวมทั้งชุด ศปอส.ตำรวจ ได้กระจัดกระจายกำลังเข้าตรวจหาพื้นที่จุดหมาย 55 จุด กำจัดกระบวนการคดโกงแผนการ พวกเราท่องเที่ยวร่วมกัน จับผู้ต้องหา 50 ราย เป็นกรุ๊ปผู้ประกอบธุรกิจบังกะโล ร้านต่างๆใน จังหวัดชัยภูมิ และก็ จังหวัดจังหวัดภูเก็ต
ซึ่ง พล.ตำบลอำเภอสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บังคับบัญชาตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ปฏิบัติงานคราวนี้มีการออกหมายจับผู้ประกอบกิจการในวิธีการ 2 ที่ใน จังหวัดชัยภูมิ มีหมายจับ 41 คน จับได้ 36 คน แล้วก็ จังหวัดจังหวัดภูเก็ต จับได้ 14 คน พร้อมขยายผลฟ้องเพิ่มกับราษฎรที่เจตนาร่วมใช้สิทธิในลักษณะโกง พื้นฐานคาดมีสูงถึง 9,000 คน ทั่วทั้งประเทศ
ด้าน พันตำรวจเอกเอนก เตาสุภาพเรียบร้อย รอง ผบกรัมเปรียญบอกว่า ตำรวจกำลังขยายผลถึงผู้ที่มีการเกี่ยวข้องสำหรับในการทำผิดซึ่งกระจัดกระจายอยู่ทั่วราชอาณาจักร โดยมีผู้ประกอบกิจการอพาร์เม้นท์ ห้องอาหาร ร้านขายของ รวมกว่า 800 ที่ พร้อมสั่งอายัดบัญชีธนาคารของผู้ประกอบธุรกิจร่วมร้อยบัญชี
โดยการไต่ถามเจอการโกงหลายแบบอย่าง เป็นต้นว่า เปิดให้จองห้องเช่าแม้กระนั้นไม่เข้าพักจริง, นำคูปองที่ได้รับข้างหลังเช็กอินหอพักไปสแกนใช้จ่ายกับร้านรวงแต่ว่าไม่ซื้อผลิตภัณฑ์จริง, บางบังกะโลมีที่ตั้งจริง สมัครสมาชิกถูกแม้กระนั้นยังไม่เปิดให้บริการ กลับมีการเปิดให้จองหอพัก หรือกำหนดราคาจองหอพักไว้แพงเกินจริง หวังรับประทานส่วนต่างราคาส่วนลด ซึ่งมีการคดโกงกระจัดกระจายอยู่ภายในเขตพื้นที่ 6 จังหวัดเป็น ชัยภูมิ, เลย, จังหวัดนครราชสีมา, ขอนแก่น, จังหวัดเพชรบูรณ์ และก็จังหวัดศรีสะเกษ
ยิ่งไปกว่านี้ยังมีการซื้อสิทธิในโครงงานโดยให้ค่าแรงรายละ 400-500 บาท เมื่อประชากรขายสิทธิให้แล้ว ผู้บริโภคสิทธิจะให้ผู้ครอบครองสิทธิจัดตั้งแอพพ์เป๋าตังก่อน แล้วต่อจากนั้นคนซื้อสิทธิจะนำเอาโทรศัพท์ของผู้ครอบครองสิทธิไปจองรีสอร์ทรวมทั้งใช้คูปอง หรือเอาข้อมูลบัตรประจำตัวประชาชนและก็ซิมการ์ดที่สมัครสมาชิกแล้วไปขายต่อให้กับผู้สวมสิทธิในราคา 800-1,000 บาท
ดังนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจะร้องเรียนใส่ร้ายเพิ่มเติมอีก ต่อจากนั้นจะสัมมนาพนักงานที่มีหน้าที่สำหรับสอบสวนตั้งแต่ระดับรองหัวหน้าภูธรจังหวัด ไล่ลงมากว่า 100 นาย จากทั่วทั้งประเทศ เพื่อรับรู้วิธีทำคดีจาก บก.เปรียญ
นับเป็นอีกคดีที่น่าเป็นกลลวงภายใต้สารพัดปัญหาบนความลำบากของราษฎรที่มาจากอันตรายวัววิด