คนเขียนสถานีคิดเลขที่ 12
สถานีคิดเลขที่ 12 : ที่มาอันยุติธรรม
ภายใต้ความอึมครึมในปัญหาด้านการปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญ ภายหลังจากโดนคว่ำในสภานิติบัญญัติไปแล้ว ทำให้มีข้อพินิจพิจารณากันว่า อาจเป็นเจตนาให้ไปเริ่มนับหนึ่งใหม่เพื่อการปรับแก้ช้าออกไป กระทั่งไม่ทันลงคะแนนเสียงคราวถัดไป
เพื่อใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ซึ่งมี 250 สมาชิกวุฒิสภาพิจารณาการตั้งนายกฯรวมทั้งรัฐบาลถัดไป
ปัจจุบันพรรคพลังประชากรเมือง ประกาศจะส่งเสริมแก้รัฐธรรมนูญเอง ด้วยเสียง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคเอง โดยตระเตรียมเสนอร่างปรับแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราต่อสภานิติบัญญัติในอีกไม่กี่วันนี้ ยื่นปรับปรุงแก้ไขใน 5 ใจความสำคัญ โดยกล่าวว่าจะเป็นการปรับปรุงแก้ไขที่ทำเป็นรวดเร็วทันใจ เสร็จสมบูรณ์ในอีกไม่กี่เดือนด้านหน้า
แม้กระนั้นทั้งหลายแหล่ทั้งมวล ไม่มีใจความสำคัญ ยกเลิก สมาชิกวุฒิสภาคัดสรร และก็การตัดอำนาจ สมาชิกวุฒิสภาสำหรับการเลือกนายกฯ
โดยบอกเด่นชัดว่า พรรคพลังประชาชนเมืองยังไม่ปรับปรุงแก้ไขในเรื่อง สมาชิกวุฒิสภา ด้วยเหตุว่าถ้าไปข้องเกี่ยวกับหัวข้อนี้ก็ก่อให้เกิดการขัดกัน และไม่สามารถปรับแต่งได้เสร็จ
เพียงพอฟังจบแบบนี้แล้ว ย่อมมีคำถามที่เกิดขึ้นตามมาโดยทันทีว่า หากปรับปรุงแก้ไขเท่านี้แล้วจะแก้ไปเพราะเหตุใด จะขจัดปัญหาได้ไหม
ด้านหนึ่ง ที่จำต้องสนับสนุนร่างปรับปรุงรัฐธรรมนูญ คงจะเนื่องจากทราบว่า หากไม่ปรับปรุง จะกำเนิดความรู้สึกว่าไม่พอใจจากประชากรอย่างมากมาย
แม้กระนั้นอีกด้าน แก้โดยไม่สัมผัส สมาชิกวุฒิสภา ไม่ตัดอำนาจ สมาชิกวุฒิสภาเลือกนายกรัฐมนตรี พอๆกับยังหวงอำนาจที่ทำให้พรรคพลังประชาชนเมืองเหนือกว่า ด้วยเหตุว่าเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับ สมาชิกวุฒิสภา เป็นประกันว่าออกเสียงถัดไป นายกรัฐมนตรีจำเป็นต้องมาจากพลังประชากรเมือง แม้ว่าจะชนะไหมชนะเป็นชั้น 1 สำหรับเพื่อการออกเสียงก็ตาม
รวมๆแล้ว ก็แค่ยอมปรับปรุงเพื่อลดกระแสไม่ให้สามัญชนโกรธ แต่ว่าถึงที่สุดก็แก้ไม่จริง
แบบนี้แล้วปัญหารัฐธรรมนูญ 2560 ก็จะยังคงเป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่ๆถัดไป ไม่เคยรู้กำลังจะถึงจุดระเบิด มีการแตกหักกันเมื่อไร
ประวัติศาสตร์การบ้านการเมืองไทย ได้แสดงอยู่แจ่มแจ้งแล้วว่า ข้อความสำคัญ “ที่มาอันเป็นธรรม” ของนายกฯรวมทั้งของรัฐบาลนั้น คือปัญหาใหญ่โดยตลอด
เป็นต้นว่าการตั้งรัฐบาลในปี 2551 ซึ่งไม่ใช่รัฐบาลที่มาจากการชนะลงคะแนนเสียง แต่ว่ามาจากการกลับขั้ว แล้วก็การสนทนาลับในค่ายทหาร
นำไปสู่การคัดค้านใหญ่เพื่อขอให้ยุบสภา เพราะเหตุว่าไม่รับสิ่งที่ทำให้เกิดรัฐบาล เรียกร้องให้คืนอำนาจให้ประชากรวินิจฉัยใหม่
แม้กระนั้นรัฐบาลไม่ยินยอมฟังคำเรียกร้องของผู้ประชุม ใช้แนวทางทำลายล้าง แปลงเป็น 99 ศพ เรื่องก็ยังไม่จบ ยังล้างแค้นกันจนกระทั่งวันนี้
ส่วนรัฐบาล พล.อำเภอประยุทธ์ จันทร์โอชะ อยู่มาได้จนถึงทำท่าจะครบ 4 ปี แต่ว่าสงบราบรื่นหรือ ไม่มีม็อบต่อต้าน ไม่มีเสียงตวาดก้องเสียดหูแทงใจใช่หรือไม่ใช่
ตอนนี้โลกเฝ้าเฝ้ามอง ด้วยเหตุว่ามีการจับตัวนิสิตนักปราชญ์ในคดีทางความนึกคิดด้านการเมืองมากมายก่ายกอง ใช่หรือเปล่า
ปัญหาของรัฐบาลนี้ ก็ด้วยเงื่อนหลักสำคัญ “ที่มาอันเป็นธรรม” อีกนั่นแหละ เพียงแค่เรื่อง 250 สมาชิกวุฒิสภาอยู่เหนือเสียงประชากรที่ไปออกเสียง ก็ชี้แจงยากที่สุด
แล้วนี่ก็ยังอุตสาหะกันถัดไปให้สิทธิ สมาชิกวุฒิสภาดังที่กล่าวมาแล้วอยู่ถัดไปสำหรับในการออกเสียงคราวหน้า
ถึงที่สุดและก็มีความหมายว่า ทั้งๆที่เป็นรัฐบาลซึ่งคงจะอยู่ได้ครบเทอมด้วยเสียงในที่ประชุมที่เหนือกว่าฝ่ายค้าน มีกล้วย มีงูเห่า สารพัน
ส่งผลงานแจกเงินแก้ไขสลัด
แม้กระนั้นเพราะอะไรไม่มั่นใจว่าจะเป็นขวัญใจประชากร ไม่เชื่อว่าจะชนะลงคะแนนล้นหลามแน่ๆ
เลยยังกอดคอกับ สมาชิกวุฒิสภาไม่ยินยอมปลดปล่อยกันถัดไป
สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน