ไม่ตอบปัญหา‘ยื้อ-เตะถ่วง’ เสียง 2 ใน 3 สภานิติบัญญัติแก้ รัฐธรรมนูญ


ไม่ตอบปัญหา‘ยื้อ-เตะถ่วง’เสียง 2 ใน 3 สภานิติบัญญัติแก้ รัฐธรรมนูญ
หมายเหตุ – ความคิดเห็นนักวิชาการกรณีกรรมการไตร่ตรองร่างรัฐธรรมนูญที่อาณาจักรไทย ปรับแต่งเสริมเติม (ฉบับที่…) พุทธศักราช … ลงความเห็นใช้เสียง 2 ใน 3 ของสภานิติบัญญัติแก้รัฐธรรมนูญวาระ 1 แล้วก็วาระ 3 นั้น

นพพร ขุนค้า
นักวิชาการด้านรัฐประศาสนศาสตร์ แผนกมนุษยศาสตร์และก็สังคมศาสตร์ มัธยมราชภัฏราชเจ้าเมือง
ความเห็นของ กมธนาคารสะท้อนให้มองเห็นถึงความไม่จริงใจสำหรับเพื่อการปรับปรุงรัฐธรรมนูญซักเท่าไหร่ เพราะอยากได้เพิ่มขั้นตอนให้มีความยุ่งยากสำหรับเพื่อการปรับแก้
จากเดิมใช้เสียงไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา เป็น 2 ใน 3 นับว่าจำเป็นต้องใช้เสียงสูงมากมาย ในขณะที่ธรรมดาเสียงของพรรคฝ่ายค้านก็มีน้อชูว่าเสียงของรัฐบาล และก็แม้กำหนดให้ใช้เสียง 2 ใน 3 บางครั้งก็อาจจะส่งผลให้เกิดจุดที่ปรับปรุงมิได้ จัดว่าใช้เสียงมากเกินกว่าเหตุ
ช่วงเวลาที่รัฐธรรมนูญควรต้องปรับปรุงแก้ไขได้ เพราะว่าวิกฤตการบ้านการเมืองไทยรัฐธรรมนูญจัดว่ามีส่วนสำคัญ หากบังคับใช้แล้วมีปัญหาเสมือนในขณะนี้
โดยยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่ทำให้เกิด 250 สมาชิกวุฒิสภาหรือการวางกลไกหลายเรื่องที่ผิดเพี้ยนจากวิธีการ ถ้าเกิดปลดปล่อยให้ปรับแก้ได้ยากอีกประเทศจะได้รับความทรุดโทรม เพราะเหตุว่ารัฐธรรมนูญเป็นต้นเหตุของการมีรัฐบาล หากรัฐธรรมนูญไม่มีสมรรถนะก็จะสะท้อนถึงที่มาของรัฐบาล
การกำหนดแนวการปรับแก้จะต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ในรัฐธรรมนูญฉบับถัดไป จะต้องทำความเข้าใจว่าคนที่มีบทบาทชูร่างจำนวนมากมาจากฐานอำนาจเก่าก็จำต้องรักษาอำนาจเดิมไว้ให้เยอะที่สุด
และก็รัฐธรรมนูญ 2560 ชัดแจ้งพอดีสมควรสำหรับเพื่อการตกทอดอำนาจ ด้วยเหตุนี้ จังหวะที่จะเปิดกว้างให้เป็นรัฐธรรมนูญของสามัญชนอย่างแท้จริงอาจจะเป็นได้ยาก
ก็เลยควรต้องมีการวางกรอบกัดกันเอาไว้แต่ว่าเนิ่นๆรวมทั้งบางครั้งอาจจะสะท้อนให้มองเห็นถึงการได้มาของ 200 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรราชการที่บางทีอาจจะมาจากการเลือกตั้ง
แต่ว่าอำนาจสำหรับเพื่อการร่างบางทีก็อาจจะไม่มีใช่หรือมีแม้กระนั้นไม่เต็มกำลัง ดังการให้พลเมืองลงคะแนนเสียง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเข้าไป แต่ว่าถึงที่สุดก็ให้สิทธิ สมาชิกวุฒิสภาที่มาจากค้นหา ยกมือโหวตเลือกนายกฯ
ทำให้อำนาจที่มาจากประชากรไม่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง สอดคล้องกับนักดนตรีรรมรัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีไซน์มาเพื่อเรา
สำหรับเพื่อการไขรัฐธรรมนูญ 2560 ในวาระ 2 และก็วาระ 3 ถ้าหากสาระสำคัญยังเป็นที่เรียกร้องของผู้กุมอำนาจในตอนนี้มั่นใจว่าไปต่อได้ รวมทั้งมั่นใจว่าคงจะไม่มีการปรับปรุงแก้ไขทั้งยังฉบับ
แต่ว่าจะปรับปรุงแก้ไขรายมาตราเป็นการปรับแก้ด้วยความจำหัวใจเนื่องจากกระแสสังคมบีบคั้น ดังนั้นก็น่าจะขายผ้าเอาหน้ารอดยอมปรับปรุงในบางมาตราเพื่อหวังลดกระแส
ทั้งๆที่จุดหมายปลายทางของรัฐธรรมนูญจำเป็นต้องทำให้อำนาจของพลเมืองยิ่งใหญ่ รัฐธรรมนูญจะกำหนดสาเหตุของข้างนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร ข้างตุลาการ ด้วยเหตุดังกล่าวอย่ามานะดีไซน์ให้แปลกประหลาด หรือแก้ไขยาก ปรับแก้มิได้
อย่าคิดให้สลับซับซ้อนหรือฝ่าฝืนธรรมชาติของแนวทางในระบบสภานิติบัญญัติ สิ่งที่ทำให้เกิดนายกฯจะต้องมาจาก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ถ้าเกิดจะมี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรปาร์ตี้ลิสต์ก็ต้องกำหนดให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เนื่องจากว่าเมื่อรัฐธรรมนูญมีปัญหาก็สะท้อนว่าการเมืองมีปัญหากระทบกับการจัดการประเทศ
ในที่สุดพสกนิกรจะต้องรับบาป
การเคาะให้เลือก 200 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรราชการนับว่าเป็นสัญญาณที่ดีขั้นต่ำก็มาจากสามัญชนแล้วก็จำเป็นต้องให้สิทธิเต็มสำหรับการตกลงใจ
แต่ว่าขอเรียกร้องให้เสร็จก่อนมีการเลือกตั้งใหม่ ทั้งๆที่มาของ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภารวมทั้งต้นเหตุของนายกฯควรมีความแจ่มแจ้งว่าจะไม่ใช้ข้อตกลงแบบเดิม
สำหรับองค์กรอิสระทั้งหลายแหล่ที่ไม่มีฐานยึดโยงกับพสกนิกร เมื่อมีรัฐธรรมนูญฉบับปรับปรุงแก้ไขแล้วหลังจากนั้นก็ควรจะแสดงสปิริตตามความสมควร
ด้วยเหตุผลดังกล่าว เมื่อมีข้อตกลงใหม่ก็ควรจะต้องมีรีเซตระบบสิ่งที่ทำให้เกิดองค์กรอิสระใหม่ทั้งสิ้น

อ่อนโยน นวลสกุล
นักวิชาการด้านวิชารัฐศาสตร์ อดีตกาลอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง
เจตนาของ กมธนาคารให้ใช้เสียง 2 ใน 3 ก็อาจจะไม่อยากที่จะให้มีการปรับแต่งรัฐธรรมนูญได้ไม่ยากซึ่งเป็นแถวคิดที่ไม่ตรงกัน ไม่ตอบปัญหากับเหตุการณ์ในตอนที่การบ้านการเมืองกำเนิดความสับสน
รัฐธรรมนูญในอนาคตควรจะระบุข้อตกลงให้ปรับปรุงได้ง่ายและก็รัฐธรรมนูญไม่สมควรเป็นสาเหตุที่ทำให้ปัญหามากขึ้น เพราะว่าไม่เป็นผลดีกับทุกฝ่าย ราวกับรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ยังไม่เคยรู้ว่าจะปรับแต่งเช่นไร ถ้า สมาชิกวุฒิสภาไม่ยินยอม
จะต้องสารภาพเรื่องจริงว่ามีบางบุคคล บางกรุ๊ปไม่อยากให้ปรับปรุง ด้วยเหตุนี้ก็ต้องหาทางวางกับดักเอาไว้ตามทาง ที่ทำให้การปรับปรุงรัฐธรรมนูญเดินไปได้ยาก แล้วอย่าไว้วางใจว่าถ้าเกิดมี 200 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรราชการจากการเลือกตั้งแล้วจะเดินหน้าไปได้อย่างง่ายดาย หรือปลดปล่อยให้คนที่ได้โอกาสสำหรับในการปฏิบัติหน้าที่ในในภายหน้าตกลงใจเอง
แต่ว่าวันนี้ยังมีพวกอนุรักษนิยมบางบุคคล บางกรุ๊ปไม่ไว้วางใจคนรุ่นหน้า ก็เลยระบุเค้าโครงความคิดล่วงหน้าในระยะ 10 ปี หรือ 20 ปีด้านหน้า คล้ายกับการมัดขาดความรักประเทศ ความถูกต้องแน่ใจยุติธรรมทั้งหลายแหล่ทั้งผองไว้แต่เพียงกรุ๊ปเดียว ไม่อยากที่จะให้อำนาจทางด้านการเมืองตกอยู่ในมือของสามัญชนทั่วๆไปอย่างราบรื่น
ส่วนตัวยังห่วงการปรับแต่งรัฐธรรมนูญในวาระ 2 แล้วก็วาระ 3 อาจมีข้อตกลงเสริมเติมที่ทำให้สามัญชนยอมรับได้ยาก เนื่องมาจากผู้มีอิทธิพลในยุคนี้ยังไม่ไว้วางใจคนรุ่นหลังในอนาคต ไม่ยินยอมปล่อยมือในรุ่นพวกเราเพราะว่าไม่เชื่อมั่นในเชื่อถือของประชากรที่เป็นเจ้าของอำนาจที่จริงจริง
ประเมินว่าผู้กุมอำนาจยังมีแนวความคิดที่จะร่างรัฐธรรมนูญสำเร็จรูปให้ราษฎรใช้ ไม่ปลดปล่อยให้ร่างคุ้นเคย หรือบางครั้งอาจจะยอมในบางเรื่องเนื่องจากว่ามีแรงบีบ
แต่ว่าถึงที่สุดบางทีอาจจะถึงทางตัน ทำให้ล่าช้าไปโดยไร้ประโยชน์ แล้วหลังจากนั้นจะมีข้อแก้ตัวว่ากลัวชาติบ้านเมืองวุ่นวาย กลัวอำนาจเดิมจะถูกทำลายการสืบสานอำนาจอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีความยุ่งยาก กลัวมีปัญหากับบางเรื่องที่มีความวิจิตร ด้วยเหตุนั้นอย่าพึ่งวางใจหรือแน่ใจว่าการปรับแก้จะผ่านได้อย่างง่ายๆหากว่ามีกรรมวิธีที่กำลังเดินหน้า
ส่วนตัวขอให้ทุกฝ่ายช่วยเหลือกันมองดูไปด้านหน้า อย่าคิดแออัด แต่ว่าขอให้เอาคุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากคนภายในชาติเป็นที่ตั้ง
ขอให้ดูแบบอย่างที่ดีที่สุดของการร่างรัฐธรรมนูญ 2540 โดยสามัญชนมีส่วนร่วมสนับสนุนตั้งแต่การโบกธงเขียวเป็นการแสดงออกเชิงเครื่องหมายสร้างความพึงพอใจอย่างเห็นได้ชัด
ไม่เหมือนกับการร่างรัฐธรรมนูญ 2560 ได้ห้ามปรปักษ์แสดงความเห็นก่อนที่จะมีการทำมติมหาชนเพื่อหวังให้รัฐธรรมนูญผ่านมติมหาชน
ก็เลยเป็นสาเหตุของการมีรัฐธรรมนูญเพื่อเรา ซึ่งสะท้อนให้เห็นภาพอย่างแจ่มแจ้ง

ผู้ช่วยศาสตราจารย์วันวิชิต บุญโปร่ง
คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
ถ้าหากดูแล้วว่า รอบนี้เป็นการสร้างเงื่อนไขให้นำมาซึ่งการก่อให้เกิดความลำบากตรากตรำสำหรับการปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญมากเพิ่มขึ้น ใช่หรือเปล่า คำตอบก็คงจะเป็นแบบนั้น
เพราะว่าแนวทางการปรับปรุงรัฐธรรมนูญที่พวกเราเคยพินิจพิจารณากันมาล่วงหน้าหลายหนว่าไม่ง่ายเลย และก็หลายหนก็มีลักษณะยืดเวลาไปทั้งหมดทั้งปวง
ทั้งหลายแหล่ทั้งหมด แน่ๆว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ถูกคุ้มครองโดยคนที่ถูกแต่งตั้งรวมทั้งได้รับผลตอบแทนจากรัฐธรรมนูญ ก็เลยไม่มีทางเป็นไปได้ โดยยิ่งไปกว่านั้นวุฒิสมาชิกที่ได้ประโยชน์สูงสุดจากการมาของรัฐธรรมนูญฉบับนั้นที่จะยินยอมให้ผ่านไปได้ง่ายๆ
ดังนี้ ความเห็นชอบของทั้งยัง 2 ที่ประชุม ฝ่ายค้านที่มีเสียงน้อยกว่าก็อาจทำอะไรมิได้ เป็นลักษณะเสียงส่วนใหญ่ลากไป ซึ่งถ้ามองแนวทางแบบนี้และดูได้ว่า เป็นการหาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง-สร้างความยุติธรรมว่าการปรับปรุงรัฐธรรมนูญจำเป็นจะต้องได้รับการยอมจำนน มีเสียงเกินครึ่งหนึ่ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 2 ใน 3 ถึงจะมีความยุติธรรมรวมทั้งทุกคนเห็นดีเห็นชอบว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ควรได้รับการปรับแก้ ก็เลยจำเป็นต้องทำให้มองว่าคะแนนเสียงที่ได้มากมายอย่างงี้ส่งผลให้เกิดการช่วยสนับสนุนได้ ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้เลยว่าจะมีวันนั้นที่เสียงถึง 2 ใน 3 แล้วก็จะได้รับการปรับแก้รัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง
ท้ายที่สุดจะถูกยื่นร้อง แปลความหมายกันไปเรื่อยด้วยเหตุนั้น ผู้ที่ปฏิบัติภารกิจอย่างมากเป็นศาลรัฐธรรมนูญ ด้วยเหตุว่าเปิดทางให้ก่อให้เกิดการยื้อ-ยืดเวลาทั้งมวล
ผมว่ารัฐธรรมนูญไม่ควรที่จะทำให้ปรับปรุงได้ยาก ด้วยเหตุว่าข้อเท็จจริงแล้วจะต้องเห็นด้วยว่ารัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ดีไซน์มาเพื่อรัฐบาลคุณประยุทธ์ ให้อยู่ต่อแบบนาน
ที่สำคัญ เมื่อใดวุฒิสมาชิกที่มาจากบทเฉพาะกาล 5 ปี ยังมีหน้าที่สูงสำหรับเพื่อการต่อต้าน ไม่สนับสนุนการปรับแต่งรัฐธรรมนูญอย่างไม่อ้อมค้อม ก็เป็นได้ยากที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะสนับสนุนไปได้ในตอนวุฒิสมาชิกชุดนี้ที่ยังมีวาระครอบครองตำแหน่งอยู่
สุดท้าย กระแสสังคมด้านนอกจะรอบีบคั้นและก็นำมาซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์อย่างเอาจริงเอาจัง แน่ๆว่าทุกคนต้องการที่จะให้การบ้านการเมืองเข้าไปสู่สภาวะการสมัครสมานอย่างสงบสุข
ซึ่งควรยอมรับฟังมุมมองของทุกภาคส่วน อย่าไปคิดว่าผู้ที่มองเห็นต่างสำหรับในการปรับแก้รัฐธรรมนูญมีวาระเบื้องหน้าเบื้องหลัง จะต้องสารภาพอย่างแท้จริงว่า ตนเองก็มีวาระเบื้องหน้าเบื้องหลัง ด้วยการได้ประโยชน์จากรัฐธรรมนูญฉบับนี้
ตอนท้าย ผมมีความคิดเห็นว่าในทุกสิ่งพวกเราจำต้องอยู่ในภาวการณ์ทำใจ จำต้องยอมบุคคลที่ได้ประโยชน์ เหนือกว่าจากข้อตกลงนี้หมดอำนาจ ครบวาระ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งวุฒิสมาชิกในบทเฉพาะกาล 5 ปี ให้ลงจากอำนาจไปซะก่อน เมื่อถึงวันนั้นบางครั้งก็อาจจะจำเป็นต้องนำมาซึ่งการก่อให้เกิดการปัดฝุ่น คุยกันใหม่อีกที
ที่กล่าวแบบนี้ ผมกล่าวในความรู้สึกตนเองที่มีความรู้สึกว่า ห่อเหี่ยวจริงๆ

รศ.ดร.วีระ เยี่ยมสมพร
คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยจังหวัดพะเยา
2ใน 3 ผมมีความคิดว่าคือเรื่องของการบ้านการเมืองเชิงเลข แน่ๆว่า ในคณะกรรมาธิการมีหลายข้างอยู่ในนั้น ทั้งยังฝ่ายบริหาร ข้างตรวจทาน และก็มีการที่จะจะต้องชิงกันพอควร
แรกเริ่มระบุเสียงไว้ที่ 3 ใน 5 หรือ 450 เสียง จาก 750 เสียง เมื่อเป็นเสียง 2 ใน 3 จำนวนก็มากขึ้นอีก 50 เสียง
กล่าวอีกนัยหนึ่ง จำต้องได้รับการเห็นถูกใจด้วยปริมาณเสียงขั้นต่ำ 500 จาก 750 เสียง คิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของสมาชิกรัฐสภา ทั้งยังสภาผู้แทนราษฎรและก็วุฒิสมาชิก
แม้ดูในทางบวกเป็น เพื่อเพิ่มความแน่นหนาเยอะขึ้นเรื่อยๆ ใช้เสียงที่จะจำต้องคิดเห็นเช่นเดียวกันมากเพิ่มขึ้นกว่าเดิม แน่ๆว่ามีเรื่องมีราวของความเป็นพวกพ้อง ความเป็นฝ่ายเดียวกัน มีความเป็นต่อที่ตรงนั้นอยู่
ด้วยเหตุดังกล่าว กึ่งกลางของประเด็นนี้ก็เลยกล่าวยากเพราะว่าจำนวนห่างกันมากมาย แม้กระนั้นหากเสียงใกล้เคียงกันจะส่งผล แม้ว่าจะเพิ่มความแน่นหนา แต่ว่าด้วยธรรมชาติของการบ้านการเมืองไทยมีมุมที่เล่นเกม-แย่งชิงจังหวะกันอยู่
ผู้ที่ต้องการจะให้ปรับปรุงแก้ไขไปในทางที่ดี ก็จำเป็นต้องไปฝ่าด่านปริมาณเสียงของข้างตนเองที่มีน้อชูว่า ด้วยเหตุผลดังกล่าว อยู่ที่ฐานสำหรับในการพินิจพิจารณาว่าข้างไหนมีทีท่า มีแนวทางของข้างตนเองยังไง
ถ้าอีกข้างมีปริมาณเสียงมากยิ่งกว่า เมื่อทั้งยัง 2 ที่ประชุมรวมกัน เรื่องของความกลมกลืนกันสำหรับเพื่อการปฏิบัติงานของฝ่ายเดียวกันก็จะต้องมีทีท่าการทำงานที่ล้อตามกันไป
ถ้าหากว่าข้างที่เปิดกว้างยอมรับฟังความเห็น ผิดบล็อกโหวตด้วยวิปรัฐบาลหรือข้างวุฒิสภา ก็ไม่มีปัญหา
แต่ว่าก่อนหน้านี้พวกเราจะมีความคิดเห็นว่าจำนวนมากเอนไปตามความเห็นชอบของพรรค หรือหนทางของข้างตน ไม่บางทีอาจโหวตนอกกรอบได้ ทำให้เสียผลดีกับราษฎร และก็สังคม
ดังนี้ การปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญจะล่มไหม ล่มแน่ ถ้าเกิดเสียงไม่ถึง ให้พวกเรามองดูเป็นด่านๆ
ด่านแรกเป็น ถ้าเกิดเป็นไปตามความเห็นที่ระบุออกมาในห้องประชุม กมธนาคาร 2 ใน 3 เสียงของสภานิติบัญญัติ ถ้าเกิดผ่านที่ตรงนี้ไปได้ก็จะมีด่านถัดไปอีกเรื่อยซึ่งด่านของรายละเอียดสำคัญมากพอๆกับปริมาณที่จะไปสู้ รายละเอียดในแต่ละหมวดนั้นอยากที่จะให้สังคมทุกภาคส่วนได้จับตา ติดตามแล้วก็มีส่วนร่วมแสดงความเห็นกันอย่างทั่วถึง
หรือแม้ดีมากยิ่งกว่านั้น อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีวิถีทางที่เสนอการสัมมนาของอีกทั้ง 2 ที่ประชุมให้ได้รับฟัง ประกอบกับการพูดคุยกันพอเหมาะพอควร ไม่ใช่คุยอยู่เพียงแค่ 2 ฝ่ายในที่ประชุม
เป็นจังหวะสำคัญที่พวกเราจึงควรพิเคราะห์การมีส่วนร่วมอย่างมากมายและก็ทั่วถึงในแนวทางการถัดไป
จากที่มีประสบการณ์ ปี 2540 ถ้าหากผ่านไปแล้วจะมีด่านอีกด่านที่สำคัญเป็น ด่านชูร่าง ซึ่ง กมธนาคารชูร่างรัฐธรรมนูญจำเป็นจะต้องขบคิดถึงกรรมวิธีการชูร่าง โดยยอมรับฟังความเห็นอย่างทั่วถึง กว้างใหญ่อย่างแท้จริง
ไม่ใช่เพียงแต่การฟังแล้วมาบรรจุเอาไว้ภายในเอกสาร ในแฟ้ม เพื่อความหรูหรา แม้กระนั้นมิได้นำเอารายละเอียดหรือหลักสำคัญที่อุตส่าห์จัดเวทีขึ้นทั้งประเทศมาปรับในเชิงปฏิบัติ
ส่วนตัวคิดว่า มีหลายด่านที่จะต้องไปคลายเงื่อน หรือบางครั้งอาจจะเป็นได้ที่ร่างปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญตกวาระสุดท้าย เพราะว่าขึ้นกับว่าท้ายที่สุดจะผ่านการโหวตในที่ประชุมหรือเปล่า จำเป็นต้องรอเฝ้ามองเหลี่ยม
อย่างไรก็แล้วแต่ สิ่งที่ด้านนอกที่ประชุมทำเป็นเป็นใช้แรงกดดัน ให้เห็

Related Posts

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

© 2023 เศรษฐีชอบหวย - Theme by WPEnjoy · Powered by WordPress